บทความ

วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

KENE เซรั่มวิตามินซีที่ทำให้ผิวหน้าเปลี่ยนไป (มันดีมากก)

สวัสดีค่ะทุกคนสำหรับวันนี้เราก็มีสกินแคร์ดีๆที่เราใช้มาได้สักระยะนึง แล้วชอบและรู้สึกว่ามันเห็นผลมากๆ มาแนะนำให้เพื่อนๆได้ดูกัน  นั่นคือ  KENE  Brightage C line & radiance corrector

ก่อนอื่นขอเล่าถึงปัญหาผิวต่างๆของเราก่อน นะคะ มีรอยสิวเยอะมากก เนื่องจากเมื่อก่อนที่เป็นสิวหนักๆแล้วชอบแกะชอบเกา   สีผิวไม่สม่ำเสมอ แก้มจะขาวๆหน่อยแต่รอบปากนี่เป็นรอยคล้ำชัดเจนเลย ไม่รู้เพราะอะไร TT   รูขุมขนกว้าง โดยเฉพาะตรงแก้มและจมูก  เริ่มมีริ้วรอย พออายุ25 แล้วริ้วรอยเล็กๆเริ่มมาเยือนเวลาหัวเราะเริ่มเห็นเป็นเส้นจางๆแล้วค่ะ(รูปแอบสะพรึงเล็กน้อยขออภัยค่ะ55)


ขอเล่าเกี่ยวกับแบรนด์ที่ได้ลองใหม่นี้ให้ทุกคนได้ฟังก่อนนะคะ
แบรนด์  KENE(อ่านว่าคีน) เป็นแบรนด์แนวเวชสำอางค์ concept เขาค่อนข้างจะชัดเจนว่าเน้นการดูแลปัญหาผิวอย่างจริงจัง
คือไม่ใช่แค่ดูแลธรรมดาแต่เข้าไปแก้ไขปัญหาผิวอย่างตรงจุด   เหมาะกับคนที่อยากเห็นผลชัดเจน โดยเน้นการใช้ส่วนผสมที่ผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าช่วยในปัญหานั้นได้จริงๆ  ประมาณว่าเลือกใช้ส่วนผสมที่ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ด้านผิวหนังพิสูจน์กันมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในด้านนั้นจริงๆ ไม่ได้เลือกส่วนผสมมาเคลมมั่วๆ แล้วทำให้ดูน่าใช้มั่วๆ ร่วมกับการเลือกใช้เทคโนโลยีและส่วนผสมนวัตกรรมตัวใหม่ๆที่ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น จึงเป็นที่มาของ slogan ของแบรนด์ที่ว่า
Innovative skin solution คือ เป็นมากกว่า skin care แต่เป็น skin solution โดยใช้ส่วนผสมทางวิทยาศาสตร์ที่มีความทันสมัยหรือ innovative
โดยสำหรับจุดเด่นหลักของ KENE  Brightage C line & radiance corrector เค้ามีคุณสมบัติหลักๆคือช่วยลดเลือนริ้วรอยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว และ จัดการความหมองคล้ำและจุดด่างดำต่างๆ ไปพร้อมๆกัน (คนมีรอยสิวเยอะแบบเรานี่ปลื้มเลย) โดย concept ผลิตภัณฑ์เริ่มมาจากการที่ VitaminC  สามารถทำงานได้ทั้งเป็น Whitening และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิววเรียบเนียนเต่งตึง ทางแบรนด์จึงหยิบเลือกตัว VitaminC มาเป็นส่วนผสมหลัก และเสริมประสิทธิภาพด้าน whitening และ กระตุ้นคอลลาเจนด้วยส่วนผสมตัวอื่นๆอีกหลายตัว


 ส่วนที่ว่ามันจะต่างจากวิตามินซีเซรั่มทั่วไปยังไงมาดูกันเลย

มีส่วนผสม 2 ตัวหลักๆใน KENE BrightageC  คือ
1.Double VitaminC  คือเป็นการใช้อนุพันธ์วิตามินซี 2 ชนิดมาทำงานคู่กัน โดยเลือกใช้ อนุพันธ์วิตามินซีรูปแบบใหม่ที่ละลายในไขมันได้แก่  ascorbyl tetraisopalmitate โดยใส่มาที่ 10% ร่วมกับ อนุพันธ์ที่ละลายในน้ำคือ 2% 3-O ethyl ascorbic acid การใช้สองอนุพันธ์ร่วมกันจะทำให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าเพราะออกฤทธิ์ทั้งในส่วนที่ละลายในน้ำ และ ละลายในไขมัน โดยอนุพันธ์ทั้งสองชนิดดีกว่าอนุพันธ์แบบเก่าที่มักได้ผลน้อยกว่า และไม่ระคายเคืองเหมือนวิตามินซีในรูปปกติที่เป็นกรดและระคายเคือง
เรียกได้ว่าอนุพันธ์ใหม่นี้ทั้งประสิทธิภาพดี และไม่ระคายเคือง โดยทางแบรนด์ใส่มารวม 12% ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากวิตามินซีคือ การลดเลือนจุดด่างดำ การกระตุ้นคอลลาเจน ลดความเสียหายของผิวที่เกิดจากแดด พูดง่ายๆคือ วิตามินซีเหมือนช่วยทำให้ทั้งใสทั้งตึง และยังช่วยลดการอักเสบและช่วยในการสมานแผลให้ดียิ่งขึ้น


2.Double peptide
Peptide มันก็เหมือนโปรตีนสายสั้นๆที่ทำให้สื่อสารระหว่างเซลล์ โดยตัว Brightage C ได้ร่วม peptide 2 ชนิดที่ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen ได้แก่ 3% Matrixyl3000 และ 2% tetrapeptide-21 ทั้งสองตัวทำงานควบคู่กัน โดยทำงานคล้ายๆกันคือเหมือนเข้าไปในเซลล์แล้วบอกให้เซลล์เกิดการสร้าง collagen ที่มากขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียน ละเอียดขึ้น ริ้วรอยดูลดลง ผิวดูตึง ยืดหยุ่นขึ้น โดยคุณสมบัติการกระตุ้นคอลลาเจนนี้ตัว peptide ก็ทำงานควบคู่กับ double vitamin C ช่วยกันกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนสูงขึ้น

นอกจากส่วนผสม 2 ตัวข้างต้น ยังมีส่วนผสมอีกหลายตัวที่ทางแบรนด์ใส่เข้ามาเพื่อเสริมคุณสมบัติในเรื่องความกระจ่างใส และความเรียบเนียนเต่งตึงได้แก่

Tyrostat ซึ่งคือสารสกัดจากพืชที่โตในทุ่งหญ้าบริเวณประเทศแคนาดาตอนเหนือมีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเอนไซม์tyrosinase (ยับยั้งการสร้างเม็ดสี) ลดจุดด่างดำและความหมองคล้ำเพิ่มความระจ่างใส


นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอีกหลายตัวผ่านหลายกลไกที่ช่วยฟื้นฟูให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้แก่
anti-oxidant (Green tea, Grape seed , Black berry , Vitamin E , Resveratrol)
ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระสาเหตุของความชราแห่งวัย และช่วยปกป้องผิวให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ โดยยับยั้งการเสื่อมสลายของคอลลาเจน และป้องกันความเสียหายของผิวที่เกิดจากรังสี UV
Anti-glycation
โดยปกติน้ำตาลในผิวจะไปจับตัวกับพวกคอลลาเจน ทำให้เปราะบางและเสียโครงสร้าง ทำให้ผิวดูไม่เต่งตึง ส่วนผสมตัวนี้จะไปช่วยยับยั้งกลไกนี้ตัวให้ผิวดูยืดหยุ่นอ่อนเยาว์
Barrier repair complex
คือเทคโนโลยีพิเศษที่ผสานองค์ประกอบ lipid barrier แบบเดียวกับที่พบในผิวด้วย ceramide,cholesterol,fatty acid ทำหน้าที่เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวทางธรรมชาติ เพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้จากภายใน
Nano hyaluronic acid
สามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวเองถึง1000เท่า ให้ความชุ่มชื้นผิวดูอิ่มน้ำ
Anti-irritant
ช่วยลดความแดง และการอักเสบของผิว



เนื้อสัมผัสค่อนข้างบางเบาซึมง่ายมาในรูปแบบของหลอดบีบปริมาณ 30 กรัม ใช้ได้นานเลยค่ะ



มาดูผลลัพธ์หลังจากที่เราได้ใช้เซรัมตัวนี้บำรุงหน้าตัวเดียวทาตอนเช้าและก่อนนอนมา 2 สัปดาห์กว่าๆกันค่ะ (กล้องที่ถ่ายเป็น sony a5100 ความสว่างปรับที่ 0 ทั้งก่อนและหลังใช้ กับไฟ soft box 1 ตัว ปริมาณไฟเท่ากันค่ะ)


ภาพนี้ตอนก่อนใช้เราแอบมีสิวอักเสบขึ้นที่คาง พอสิวหายเหลือแต่รอยเราก็ทาแต่ตัวนี้สังเกตว่ารอยสิวจางเร็วกว่ารอยที่ปล่อยทิ้งไว้นานแล้วค่อยมาทาทีหลังค่ะ


ภาพหน้าตรงนี่เห็นชัดเลยว่าหน้าดูเนียนใสผิวดูสุขภาพดีขึ้น ดูไม่โทรมทั้งๆที่เราก็นอนประมาณเที่ยงคืนเป็นปกติค่ะ และช่วงนี้เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานหลายคนเริ่มทักว่าไปทำไรมาหน้าใสขึ้น  ดีใจ55


ฝั่งนี้โดยรวมก็ดูใสขึ้นรูขุมขนดูเล็กลงผิวละเอียดขึ้นแต่แอบมีสิวอักเสบขึ้นเล็กน้อยเพราะรอบเดือน  รอยแดงลดลง และอยากให้ลองสังเกตตรงหนังตาเราด้วยค่ะบอกแล้วเราทาทั้งหน้าจริงๆเวลาเหลือเนื้อเซรัมติดมือนิดหน่อยก็เอาไปแปะๆที่เปลือกตาด้วยเสียดาย555 เพราะเค้าบอกว่าไม่มีน้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์อ่า พอทาๆแปะๆวันแรกไม่แพ้เราก็ทามาเรื่อยๆผลลัพธ์ คือเปลือกตาดูเต่งตึงเลย ดีใจอีกแล้วฮ่าๆ

สรุปตามความรู้สึกที่ได้ใช้มา
สำหรับ KENE  Brightage C line & radiance corrector ก็เป็นเซรัมวิตามินซีเข้มข้นที่ช่วยให้หน้าดูกระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น หน้าดูอิ่มๆแน่นๆ เวลาเรายิ้ม หัวเราะ ริ้วรอยเล็กๆไม่ค่อยมากเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ รู้สึกว่าหน้ามีความยืดหยุ่นดีอ่ะบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นลูกรักไปแล้ว55  และที่สำคัญเรื่องรอยสิวใหม่ๆใช้ตัวนี้ตั้งแต่เนิ่นๆรอยหายเร็วมากค่ะ
                ความแตกต่างหลักๆที่แตกต่างจากวิตามินซีเซรั่มทั่วๆไปคือตัวนี้ใช้อนุพันธ์วิตามินซีรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงละลายทั้งในน้ำและไขมัน และมีตัวเสริมคือมีเปปไทด์เข้มข้นที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนเสริมตัววิตามินซีอีกทีในด้านการกระตุ้นคอลลาเจน และมีส่วนผสมเสริมอีกหลายๆตัวที่ทำให้ผิวดูกระจ่างใสสุขภาพดีขึ้น ที่สำคัญคือ ข้างกล่องเค้าบอกความเข้มข้นส่วนผสมหลักด้วย เราจะได้มั่นใจว่าได้ส่วนผสมที่เข้มข้นพอจริงๆ

เซรัมตัวนี้เหมาะกับคนที่กำลังหาสกินแคร์ที่ช่วยรักษาพวกรอยสิว  หรือคนที่เริ่มมีอายุเพราะวิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้หน้ากลับมาเต่งตึง  หรือแม้แต่จะเป็นน้องๆวัยรุ่นก็เหมาะที่จะใช้ตัวนี้ได้เลยเพราะมีพวกสารantioxidant ให้มาหลายตัวช่วยชะลอความแก่ของผิว เรียกได้ว่ากันไว้ดีกว่าแก้เนอะ
หากสรุปง่ายๆก็เหมือนในด้านการแก้ไข Brightage C  จะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน นุ่มฟูขึ้น พร้อมกับลดเม็ดสี ทำให้จุดด่างดำจางลง ผิวสว่างขึ้นไปพร้อมๆกัน พอความเรียบเนียนมาเจอกับผิวที่สว่างขึ้น หน้าก็จะดูกระจ่างใสๆ ดูเนียนๆใสๆ เต่งตึงขึ้นขึ้น สำหรับคนที่มีริ้วรอยแล้วเนื่องจาก vitaminC และ peptide ทำงานกระตุ้นคอลลาเจน ริ้วรอยก็จะจางลง ผิวอ่อนเยาว์ขึ้นนั่นเองค่ะ
แต่สำหรับผิวที่ยังไม่มีปัญหาการใช้ BrightageC เหมือนการลดความเสียหายของผิวที่เกิดขึ้นทุกวันสะสม ทำให้ผิวเสีย ตัวนี้จะช่วยให้ผิวแก่ช้ากว่าคนทั่วไปเพราะด้วยความเป็น antioxidant มันจะลดความเสียหายจากแสงแดดค่ะ นอกจากนั้นผลที่ได้คือเรื่องของความเรียบเนียน ความฟูของผิว เพราะถึงแม้ไม่มีริ้วรอย แต่ถ้าคอลลาเจนเพิ่มขึ้นก็จะได้ในผลลัพธ์ตรงนี้ รวมถึงความขาวกระจ่างใสของผิวมากยิ่งขึ้นค่ะ
*ทั้งนี้ทั้งนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลนะคะ สำหรับเราผิวแพ้ง่ายใช้ตัวนี้แล้วไม่แพ้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ผิวแพ้ง่ายจะไม่แพ้น้า ยังไงก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนลองศึกษาให้ดี และอย่าลืมเทสก่อนทุกครั้งที่จะเริ่มใช้สกินแคร์ตัวใหม่ๆนะคะ*

สำหรับกระทู้นี้อบอุ่นก็ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้าสวัสดีค่ะ








REVIEW OLOGY BHA SERUM สกินแคร์ที่เหมาะสำหรับผิวเป็นสิว

สวัสดีค่าทุกคน สำหรับกระทู้นี้เราก็จะมารีวิวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าตัวใหม่ที่ตอนนี้เรากำลังได้ลองใช้อยู่และรู้สึกว่ามันโอเคเลยนั่นก็คือตัวนี้เลยค่ะ

OLOGY SKINCARE 2% BHA ANTI ACNE PORE SKIN SERUM 30ml.
ตัวนี้เป็นเวชสำอางรักษาสิว ฝ้ากระ จุดด่างดำ เหมาะสำหรับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ คิดค้นโดยทีมนักวิจัยทางด้านผิวหนัง โรงงานที่ผลิตได้มาตรฐาน GMP และผ่านการรับรองจากอ.ย. (FDA)เรียบร้อยแล้วค่ะ

คุณสมบัติเด่นของเค้าเลย ก็จะช่วยละลายสิวอุดตัน ลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดการอักเสบของสิว ควบคุมความมัน ฆ่าเชื้อสิว P.acne ลดการเกิดใหม่ของสิว ลดรอยดำรอยแดงจากสิว กระชับรูขุมขน ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และช่วยให้ผิวดูนุ่มขึ้นค่ะ



ผลิตภัณฑ์ถูกบรรจุมาในขวดแก้วและมีตัว Dropper มาให้ค่ะ

เซรั่มเป็นน้ำสีใสค่อนข้างเหลวมีกลิ่นอ่อนๆคล้ายๆกลิ่นของ tea tree oil หอมสดชื่นดี
เนื้อบางเบาเกลี่ยง่ายไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน เมื่อทาลงไปแล้วอาจจะรู้สึกหนึบๆที่ผิวอยู่เล็กน้อยแต่สักพักเนื้อเซรั่มก็จะซึมเข้าผิวค่ะ

ส่วนประกอบ
Potassium azeloyl diglycinate 4% หรือที่หลายๆคนรู้จักในชื่อสกินโนเรนค่ะ ตัวนี้จะช่วยละลายสิวอุดตัน ฆ่าเชื้อสิว P.acne ลดรอยดำ ควบคุมความมัน
Niacinamide (vit B3) 5% มีงานวิจัยรายงานว่าถ้าใช้วิตามิน B3ความเข้มข้น 4% ขึ้นไป จะสามารถออกฤทธิ์เป็นยารักษาสิวได้ เทียบเท่ากับ Clindamycin2% และนอกจากนี้ยังช่วยลดรอยดำได้ด้วยค่ะ
Salicylic acid (BHA) 2% ช่วยผลัดเซลผิวละลายไขมันในรูขุมขนที่อุดตัน ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
Camellia sinesis extract 2% (สารสกัดชาเขียว) ช่วยลดสิวโดยรวมได้ประมาณ 60%
Dipotassium glycyrrhizate (รากชะเอม) ช่วยต้านการอักเสบได้ดีและเป็นสาร whitening
Tea tree oil ต้านการอักเสบของสิว ฆ่าเชื้อสิว ลดเชื้อแบคทีเรีย
Witch hazel ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ กระตุ้นการสร้าง collagen และ elastin กระชับรูขุมขนทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นค่ะ
Chamomile (คาโมมายด์) ลดการระคายเคือง การแพ้และมีฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรีย
Centella asiatica (ใบบัวบก) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนป้องกันการเกิดแผลเป็นลดการอักเสบ



ที่สำคัญเลยเค้าไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ไม่มีซิลิโคน ไม่มี Alcohal ไม่มีสารกันเสีย ไม่แต่งสีและกลิ่นด้วยค่ะ   
อ.ย.เลขที่จดแจ้ง 10-159-494-32


วิธีใช้ ทาเซรั่มตัวนี้ทั่วใบหน้าและลำคอเป็นประจำเช้าเย็นทุกวันได้เลยค่ะและสามารถใช้ร่วมกับ benzac หรือ clinda M หรือครีมบำรุงอื่นๆก็ได้เช่นกันค่ะ
ความรู้สึกหลังใช้ สำหรับสกินแคร์ตัวนี้เราค่อนข้างชอบเลย เพราะนอกจากจะช่วยดูแลเรื่องสิวด้วยแล้ว ยังช่วยให้หน้าดูนุ่มๆใสๆขึ้นด้วยค่ะ ตัวนี้เราได้มาเกือบสองสัปดาห์และคาดว่าถ้าใช้ไปเรื่อยๆน่าจะเห็นผลลัพธ์ในด้านอื่นๆชัดเจนขึ้นอีกค่ะ ^^

สำหรับวันนี้เราก็ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วขอบคุณที่เข้ามารับชมกัน พบกันใหม่กระทู้หน้าสวัสดีค่า